รังแคผมร่วง

รังแค เป็นภาวะเรื้อรังที่เกิดขึ้นกับหนังศีรษะและสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย และรังแคยังทำให้เราคันหนังศีรษะอยู่ตลอดเวลา และทำให้เราเสียบุคลิกภาพอีกด้วย แต่ไม่ต้องตกใจเพราะรังแคสามารถรักษาให้หายได้ตาจะมีวีธีรักษาอย่างไรเราไปดูกันเลยค่ะ

อาการของรังแค

รังแคมีอาการที่สำคัญ ได้แก่

  • มีสะเก็ดสีขาวหรือเหลือง ลักษณะเป็นแผ่นแบนและบางมันวาว พบได้มากบริเวณหนังศีรษะ เส้นผม หรือไหล่
  • มีอาการคันศีรษะ หนังศีรษะมัน แดงหรือเป็นสะเก็ด
  • มักจะพบว่าเป็นมากในฤดูหนาวและอาการจะดีขึ้นเมื่อเข้าสู่หน้าร้อน

สาเหตุของการเกิดรังแค

การเกิดรังแคมาจากหลากหลายสาเหตุ ทั้งพันธุกรรม เพศ อายุ การทานอาหาร ความเครียด การอยู่ในห้องปรับอากาศที่มีความชื้นต่ำ ทำให้หนังศีรษะแห้ง การใช้สารเคมีรุนแรงกับเส้นผม อาทิเช่น การดัดผม ยืดผม ย้อมผม การใช้สเปรย์ฉีดผม หรือใช้ยาสระผมที่มีส่วนผสมของสารเคมีรุนแรงก็ทำให้เกิดรังแคได้ นอกจากนี้ยังพบว่าคนที่เป็นรังแคมีสาเหตุมาจากโรคหนังศีรษะต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • โรคผิวหนังอักเสบ (Seborrheic Dermatitis) เป็นภาวะที่ผิวหนังมีการอักเสบ มัน แดง เป็นสะเก็ด พบมากบริเวณที่มีต่อมน้ำมัน ได้แก่ หนังศีรษะ รักแร้ ขาหนีบ คิ้ว และบริเวณข้างจมูก
  • เชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia) เป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่บนหนังศีรษะ ซึ่งถ้าหากมีเชื้อราชนิดนี้มากเกินไปจะมีผลให้มีการเร่งผลัดเซลล์ผิวเร็วกว่าปกติ จึงเกิดเป็นขุยขาวสะสมอยู่บริเวณหนังศีรษะแล้วก็เส้นผมเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เชื้อรามาลาสซีเซียมากขึ้นก็คือ ฮอร์โมนแล้วก็ความเครียด
  • เชื้อราบนหนังศีรษะ (Tinea Capitis) เป็นภาวะที่เชื้อรากระจายตัวลึกลงไปยังรูขุมขน เป็นเหตุให้เกิดอาการคันรังแคผมร่วงเป็นหย่อม ๆ
  • โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) มีลักษณะคล้ายกับรังแคแต่ว่ามีความรุนแรงมากกว่า ผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงินจะมีอาการคันและผิวหนังเป็นสะเก็ด เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด ทำได้เพียงเยียวยาไม่ให้อาการหนักมากกว่าเดิม
  • ภาวะผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema) มีเหตุมาจากการแพ้สารก่อภูมิแพ้ในผลิตภัณฑ์ก่อให้เกิดอาการคัน แดง ผิวแห้ง เป็นสะเก็ด
  • ผิวหนังอักเสบจากการแพ้ ตัวอย่างเช่น แพ้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม สเปรย์ เจล หรือมูสแต่งผม
  • หนังศีรษะแห้งเกินไป เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีเกล็ดผิวหนังคล้ายรังแค แต่ว่ามีขนาดเล็กและความมันน้อยกว่า ไม่ทำให้เกิดอาการแดงหรืออักเสบ ที่สำคัญควรจะสระผมอย่างสม่ำเสมอไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง เพื่อลดการสั่งสมของเซลล์ผิวหนังที่ทำให้เกิดรังแคได้

รังแคผมร่วง เกิดจากอะไร

การรักษารังแค

การรักษารังแคสามารถรักษาได้ 2 วิธีดังนี้

  1. การรักษารังแคด้วยตัวเอง

การรักษารังแคสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ซึ่งสามารถซื้อยาสระผมกำจัดรังแคจากร้านขายยาหรือร้านค้าทั่วไป โดยใช้ยาสระผมที่มีส่วนประกอบดังนี้

  • ซีลีเนียม (Selenium) จะช่วยชะลอการผลัดเซลล์ผิวและช่วยลดเชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia)
  • ซิงค์ไพริไทออน (Zinc Pyrithione) สามารถช่วยลดเชื้อราบนหนังศีรษะที่เป็นสาเหตุให้เกิดรังแคและก็ผิวหนังอักเสบได้
  • ยาคีโตโคนาโซล มีฤทธิ์ต้านเชื้อราได้หลายชนิด ซึ่งถูกนำมาใช้เพื่อกำจัดเชื้อราบนหนังศีรษะที่เป็นสาเหตุให้เกิดรังแคได้
  • น้ำมันดิน (Coal tar) เป็นผลพลอยได้ที่มาจากกระบวนการผลิตถ่านหิน ซึ่งถูกนำมาใช้ช่วยรักษาภาวะทางผิวหนัง เช่น รังแค ผิวหนังอักเสบ แล้วก็โรคสะเก็ดเงิน โดยมีฤทธิ์ในการชะลอการผลัดเซลล์ผิวไม่ให้เร็วเกินไป
  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ช่วยกำจัดเกล็ดผิวหนังส่วนเกินออกก่อนที่จะก่อตัวเป็นสะเก็ดและเป็นรังแค มีข้อเสียคือ อาจจะส่งผลให้ผิวแห้งและกระตุ้นให้เกิดสะเก็ดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับบางราย แต่สามารถใช้ครีมนวดผมหลังจากใช้ยาสระผมที่มีกรดซาลิไซลิกเป็นส่วนประกอบ เพื่อป้องกันไม่ให้หนังศีรษะแห้งจนเกินไป

การใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดรังแคควรอ่านฉลากให้ดีก่อน หรือหากไม่แน่ใจให้ถามเภสัชกรก่อนเพื่อความปลอดภัยของหนังศีรษะคุณค่ะ

  1. การรักษาด้วยทางการแพทย์

โดยปกติไม่มีความจำเป็นที่ต้องรักษาโดยแพทย์ อย่างไรก็ตาม หากพบว่าเกิดปัญหาต่อไปนี้ ควรจะไปพบแพทย์เพื่อหาทางรักษา

  • ใช้ยาสระผมขจัดรังแคมาเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน และอาการไม่ดีขึ้นหรืออาการแย่ลง
  • เป็นรังแคอย่างรุนแรงและมีอาการคันหัวมาก
  • หนังศีรษะแดงหรือบวม
  • เป็นผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น กำลังรักษาโดยใช้เคมีบำบัด เป็นเอชไอวี (HIV) หรือกำลังใช้ยาที่ยับยั้งระบบภูมิคุ้มกัน

เมื่อไปพบแพทย์ด้วยอาการเหล่านี้แพทย์จะทำการวินิจฉัยและตรวจหนังศีรษะหากเป็นเรื้อรังหมอจะสั่งยาขจัดรังแคสูตรเข้มข้นที่สูงกว่าที่เราซื้อเองมาใช้

การป้องกันการเกิดรังแค

  1. ใช้แชมพูยาขจัดรังแค

ควรจะสระผมทุกวันเพื่อกำจัดน้ำมันส่วนเกิน โดยควรเลือกใช้ยาสระผมขจัดรังแคสูตรอ่อนโยนหรือยาสระผมที่มีส่วนผสมของยา เช่น ซิงค์ไพริไทออน (zinc pyrithione), คีโทโคนาโซล (ketoconazole), ซีลีเนี่ยมซัลไฟด์ (selenium sulfide) และไพรอคโทน โอลามีน (Piroctone Olamine) เป็นต้น

  1. หลังสระผมควรจะเช็ดผมให้แห้งทุกครั้ง

โดยใช้ผ้าขนหนูที่สะอาดค่อย ๆ ซับเบา ๆ ที่ผมให้แห้ง หรือปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติก็ได้ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความอับชื้นที่อาจจะเป็นต้นเหตุ การเกิดของเชื้อรา ดังนี้ควรหลีกเลี่ยงการขยี้ผมแรง ๆ

  1. หวีผมเบา ๆ และใช้หวีที่มีซี่ห่างกัน

โดยให้เริ่มหวีจากบริเวณรากผมไปตามความยาวของเส้นผม เพื่อเป็นการกระจายน้ำมันจากหนังศีรษะไปหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้นให้ทั่วเส้นผม ไม่ควรใช้หวีที่มีความแข็งและมีซี่ถี่เกินไป เนื่องจากอาจจะเกิดการดึงเส้นผมที่แรง จนกระตุ้นให้เกิดการขาดร่วงของเส้นผมมากขึ้น

  1. หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกับหนังศีรษะ

อย่างเช่น การทำสี การยืด การดัดผม หรือการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ตัวอย่างเช่น สเปย์ฉีดผมหรือมูส เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้ล้วนมีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อหนังศีรษะแล้วก็เส้นผม โดยจะทำให้เกิดสารเคมีสะสม ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองแก่หนังศีรษะได้ และยังเป็นปัจจัยเสริมทำให้เกิดรังแคมากขึ้นอีกด้วย

  1. หมั่นรักษาความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้กับผมหรือศีรษะ

โดยควรหมั่นทำความสะอาดหมอน หรือปลอกหมอน หรือหมวกกันน็อคบ่อย ๆ  หรืออย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยลดการสั่งสมของเชื้อรา

alepma.com

By Alepma.com

แก้ปัญหาผมร่วง ศีรษะล้าน ผมบาง แชมพูแก้ผมร่วง ปัญหาผมร่วง สิ่งที่ทำลาย ความมั่นใจ ผมร่วง ทำคีโม ผมขาดวิตามิน แก้ปัญหายังไงดี